Hello Kitty, Bad Badtz-Maru

Diary




~• {เทคนิคการจดบันทึก} •~

     การเรียนเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้(ถ้าหลีกหนีเดี๋ยวทั้งแม่ทั้งครูจะหวด)แต่การเรียนก็ไม่ใช่การปอกกล้วย แต่เป็นเสมือนการเก็บกระเป๋าที่ตกทะเลไป 100,000,000กิโลเมตร ( มากไปมั้ยนี่ ? =[]= )  และถ้าเราดำน้ำไปถึง เราก็จะพบกระเป๋าซึ่งใส่ความฝันของเราไว้ !

     และการที่จะประสบความสำเร็จในการเก็บกระเป๋าใส่ฝัน เราก็ต้องมีความพยายาม และอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ.....สมุดบันทึก.....อาจดูไม่จำเป็น แต่คิดไปคิดมาดีๆนะ ถ้าเราวาดแผนที่มหาสมุทรไว้เพื่อที่จะตามหาสมุดบันทึกความฝันล่ะก็ มันก็จะหาง่ายขึ้นใช่มั้ยล่ะ เพราะฉะนั้นมารู้วิธีจดบันทึกกันเถอะ!!

+ + เตรียมตัวก่อนจด + +

1. เลือกซื้อสมุดสวยๆ เนื่องจากเวลาที่เราซื้อสมุดสวยๆ เราก็อยากจะเปิดมันมาอ่าน เนื่องจากมันสวยจนใจเราห้ามที่จะเปิดมันไม่ไหว(ฮา)

2.กระดาษหนา 60 แกรมขึ้นไป เพราะเวลาที่เราบันทึกด้วยปากกาจะได้ไม่ซึม

3.ใช้ปากกาสีสวยๆ  แต่ห้ามใช้ปากกากากเพรชในการจด เพราะรัศมีของแสงกากเพรชจะทำให้เรามึนและอ่านยาก

4.เอาปากกาเหน็บไว้ตลอด เพราะเวลาไปไหนมาไหน ถ้าเรามีสมุดแต่ไม่มีปากกา มันก็ทำไรไม่ได้อยู่ดีนี่นะ

5.เอาการ์ตูน+หนังสือที่ไม่จำป็นออกจากกระเป๋า พกแต่สมุดบันทึกเล่มเดียว เพราะเวลาเราว่าง เราจะได้หยิบสิ่งที่จดลงสมุดมาอ่านไง

++ลงมือจด++

การจดบันทึกก็ขออธิบายสั้นๆละกัน

1.จดเฉพาะเนื่อหาส่วนสำคัญ เพื่อให้เข้าใจง่าย , ใจความไม่เยิ่นเย้อ

2.จดเป็นรูปภาพ ระบายสีด้วยยิ่งดี ( จำโฆษณาปากกาสีได้ป่ะล่ะ สีช่วยเพิ่มความจำได้ 75% )

3.จดแบบมายด์แม็ป จะทำให้จำง่ายขึ้น นอกจากนี้ ความคิดของเรายังจะเป็นระบบ กล่าวคือ เราสามารถคิดเป็นประเด็น และขยายประเด็นลงไปสู่หัวข้อย่อย และเนื้อหา






เคล็ดลับอ่านน้อยแต่ได้คะแนนเยอะ


1. จับให้ถูกจุด

          การเรียนเพื่อให้ทำคะแนนได้ดีๆนั้น ต้องจับให้ถูกจุด คือต้องรู้ว่าเนื้อหาส่วนไหนสำคัญ และน่าจะออกสอบ เนื้อหาส่วนไหนที่ถ้ารู้ไว้ก็ดี ไม่รู้ก็อาจจะไม่เป็นไร แล้วจะรู้ได้ยังไงละ? ตอบไม่ยากเลยครับ คือฟังอาจารย์สอน แต่ไม่ใช่ฟังไปเรื่อยๆ หรือต้องตั้งใจฟังอย่างมากทั้งวัน ซึ่งเชื่อว่าหลายๆคนทำไม่ได้เท่าไหร่หรอก ดังนั้นแนะนำว่า เมื่อไหร่ที่อาจารย์พูดเน้นตรงไหนหลายๆรอบ หรือพูดคำว่าตรงนี้สำคัญ ตรงนี้ออกสอบบ่อย เมื่อนั้น ต้องเพ่งความสนใจ และห้ามหลุด เพราะหลายๆครั้งช่วงเวลาที่พูดนั้นสั้นมาก อาจจะแค่ประโยคเดียว จนฟังไม่ทัน ดังนั้นของอย่างนี้ต้องหูไวตาไว

2. ข้อสอบเก่าช่วยได้
          ข้อนี้อาจจะเหมาะกับการสอบที่หาข้อสอบเก่าได้  การนั่งทำข้อสอบเก่าแล้วหาความรู้ไปด้วยจากข้อสอบเก่านั้น ช่วยย่นระยะเวลาที่ต้องอ่านหนังสือไปได้อย่างมาก เพราะสิ่งที่ได้ทำ ได้เรียนรู้คือเนื้อๆและประเด็นสำคัญ  เพราะเนื้อหาที่ออกสอบนั้นต้องเป็นเนื้อหาที่อาจารย์ต้องการให้นักเรียนรู้และนั่นสำคัญ  ถ้ามันไม่สำคัญ   และสิ่งที่สำคัญและต้องการให้นักเรียนรู้นั้น ในบทๆหนึ่งมีไม่เยอะหรอก ซึ่งนั้นก็วนเวียนอยู่ในข้อสอบเก่านั้นแหละ ไม่หนีไปไหนหรอก

3. สังเกตจุดที่น่าออกสอบจากการอ่าน  
          เมื่ออ่านหนังสือหลายๆคนเลือกที่จะอ่านไปเรื่อยๆ ขณะอ่านก็จะรู้สึกว่าโอเคเข้าใจนะ แต่เมื่ออ่านไปถึงช่วงหลังๆอาจจะพบว่า ลืมเนื้อหาช่วงแรกๆไปแล้ว เมื่อเข้าห้องสอบก็ลืมๆทำไม่ได้อีกตามเคย วิธีแก้ทางนึงคือเมื่ออ่านให้สังเกตจุดที่น่าออกสอบ แล้วจุดนั้นอยู่ตรงไหนละ? มีหลายตำแหน่งมากๆครับ เช่น ตรงที่ทำตัวหนา”“ตรงที่บอกว่าระวัง!” “ตรงที่เขียนว่า Tips” และเคล็ดลับสุดๆคือ ตรงที่ทำช๊อยส์ได้ 3 ข้อครับ อธิบายเพิ่มเติมอย่างนี้ครับ สมมติว่าเนื้อหาเขียนว่า หน้าที่ของไตมี 3 อย่างหลักๆ คือ 1…. 2..... 3..... ตรงนี้ออกสอบได้ง่าย เพราะแค่คิดช๊อยส์หลอกมา 1 ข้อ ก็ทำเป็นข้อสอบได้แล้ว ดังนั้นเมื่อไหร่ที่มี 3 หัวข้อให้รีบจำตรงนั้นเลย

4. ผลัดกันถามกับเพื่อน
          หลายๆครั้งการสอบนั้นเนื้อหาเยอะมาก อ่านไปแล้วก็ประสบปัญหาว่าอ่านหน้าลืมหลัง อ่านหลังลืมหน้า ทางแก้คือเมื่ออ่านจบ แล้วพอจะจำได้คร่าวๆ ให้ผลัดกันถามกับเพื่อน ผลัดกันถามคนละคำถามโดยไม่เปิดหนังสือนะ จะช่วยให้สมองได้มีการดึงเนื้อหาที่อ่านออกมาและมีการจัดระเบียบเนื้อหานั้น ทำให้เมื่อทำข้อสอบก็จะนึกออกง่ายขึ้น อีกทั้งยังได้จดจำเนื้อหาเพิ่มเติมจากคำถามของเพื่อนที่บางครั้งเราอาจะเผลออ่านข้ามไปเพราะคิดว่าไม่สำคัญ

5. อย่าลืมพักผ่อน
          เชื่อเถอะว่าการอ่านหนังสือแบบตะบี้ตะบันอ่าน โดยไม่พักเลย ไม่ช่วยให้ทำข้อสอบได้ดีขึ้นหรอก เพราะเนื้อหาเข้าไปในสมองแบบไร้ระเบียบ ทำให้เมื่อจะนำออกมาใช้ในห้องสอบก็หาเนื้อหาเหล่านั้นไม่เจอ ทำไม่ได้อยู่ดี การพักผ่อนจะช่วยให้เนื้อหาต่างๆในสมองนั้นได้มีการจัดระเบียบหรือเปรียบเสมือนการให้ความรู้ได้ตกตะกอนในสมองก่อน ทำให้เมื่ออ่านอีกครั้ง หรือในห้องสอบก็จะรู้สึกว่าสามารถดึงเอาเนื้อหาเหล่านั้นออกมาได้ ทำข้อสอบได้นั่นเอง ดังนั้นอ่านไม่เยอะแต่ได้พักผ่อนด้วย ดีกว่าอ่านมากๆแต่ไม่ได้พักเลยแน่นอน


 


วิธีแก้ไขอาการเครียด

  •   เล่นกับสัตว์เลี้ยง
บ้านใครมีน้องหมา น้องแมว ขอบอกว่าโชคดีมากค่ะ สัตว์เลี้ยงแสนรู้เหล่านี้นี่แหละที่ช่วยเราคลายเครียดได้อย่างดี เพราะความน่ารักแสนรู้และขี้อ้อนของมัน ทำให้เราอารมณ์ดีทุกครั้งที่ได้เล่นด้วย

  •  ตีกล้ามเนื้ออบอุ่นร่างกาย
ความเครียดอาจเกิดจากความเมื่อยล้าได้เหมือนกัน คือพอเหนื่อยหรือเมื่อยมากๆ จะรู้สึกไม่อยากทำอะไร ดังนั้นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อเป็นวิธีที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายมีพลังค่ะ วิธีนี้ง่ายมากๆ คือ ให้ยืนตัวตรง แล้วแบมือตีแปะๆ เบาๆ ทั่วตัว อาจจะเน้นที่บริเวณต้นขา สะโพก เป็นหลัก การตีกล้ามเนื้อนี้ช่วยกระตุ้นเลือดลมให้ทำงานได้ดีขึ้นและให้กล้ามเนื้อ ตื่นตัวขึ้น ช่วยบรรเทาความเครียดให้ลดลงได้ด้วยค่ะ
  •      เลิกคิดลบ
สำหรับบางคนการคิดบวกตลอดเวลาอาจจะยากเกินไป เพราะบางเรื่องก็ทำใจให้คิดในทางดีไม่ไหวจริงๆ ดังนั้นก็เริ่มต้นทำด้วยวิธีง่ายๆ คือ เลิกคิดลบให้ได้ก่อน หลายคนเครียดเพราะทำข้อสอบไม่ได้ อ่านหนังสือไม่ทัน ก็พยายามอย่าไปคิดว่าตัวเรานิสัยไม่ดี ไม่มีความรับผิดชอบ สอบตกแน่ๆ และอีกสารพัดการคิดลบที่ทำให้เราเครียด เมื่อไหร่ก็ตามแล้วคิดแง่ลบจะยิ่งทำให้เครียดกว่าเดิมค่ะ ทางที่ดีควรปล่อยวางแล้วทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด
  •   เสียงดนตรีบำบัด
เสียงดนตรี โดยเฉพาะดนตรีบรรเลงมีประโยชน์หลายด้าน ช่วยทั้งเรื่องสมาธิ พัฒนาสมอง ยิ่งถ้าให้เด็กทารกฟังจะยิ่งอารมณ์ดี จริงๆ แล้วการฟังดนตรีช่วยคลายเครียดได้เยอะเลยค่ะ แต่สิ่งที่จะแนะนำเพิ่มเติมคือ ลองเปลี่ยนจากผู้ฟังมาเป็น ผู้เล่นบ้าง ไม่ต้องขั้นมืออาชีพหรอกค่ะ เล่นขำๆ ก็ช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ ถ้ามีงบหน่อยอาจลงทุนซื้อเครื่องดนตรีที่ไม่ต้องแพงมากมาสักชิ้น แต่ถ้าไม่มีงบ โหลดพวกแอพลิเคชันในมือถือมาลองเล่นก็ได้นะคะ เล่นไปสักพัก จะรู้เลยว่าพอมาเป็นคนเล่นดนตรีแล้ว จะช่วยพัฒนาเราหลายๆ เรื่องเลย


สัตว์โลกน่ารักสัตว์โลกน่ารักสัตว์โลกน่ารักสัตว์โลกน่ารัก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น